Nissan Cefiro รถซิ่งยุค 90 ที่วัยรุ่นต้องมี

nissan_cefiropicneww

nissan_cefiropic

ถ้าใครเกิดในยุค 90 หากไม่รู้จักเจ้า “Nissan Cefiro” คงจะบอกได้ว่าเสียชาติเกิดนักซิ่ง เพราะมันถือได้ว่าเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ มันคือรถซีดานขนาดกลางที่ผลิตโดย บริษัท ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น นิสสันมอเตอร์ เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นในปี 1988 ในฐานะซีดานสี่ประตู ซีรีย์ A31 เป็นเอกสิทธิ์ของตัวแทนจำหน่ายนิสสันญี่ปุ่น “Nissan Satio Store” รูปร่างหน้าต่างของ Cefiro ได้หยิบยืมแชสซีมาจาก Nissan Laurel (C33), Nissan Leopard (F31) และ Nissan Skyline (R32)

หลังจากหยุดการผลิต A31 Cefiro ได้เริ่มลดบทบาทลงอย่างมาก จนในที่สุดก็ถูกนำออกจากสายการผลิต ซึ่งมาพร้อมกับการเปิดตัว A32 และ A33 Maxima ที่เข้ามาแทน Cefiro ในประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่มีความเชื่อมโยงอะไรเลยกับ A31 เรียกได้ว่าเอาชื่อมาขายก็ได้ A32 และ A33 นั้นก็มีความคล้ายกับ J30 Maxima ที่ผลิตในเวลาเดียวกับ A31 Cefiro รุ่นที่สอง (A32) และรุ่นที่สาม (A33) Cefiro ได้มีการสลับไปเป็นระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้าด้วยเครื่องยนต์ V6 สำหรับวางขายในยุโรป ตะวันออกกลาง นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียโมเดล A32 และ A33 ถูกจำหน่ายใหม่ในชื่อ “Nissan Maxima”

ความนิยม Nissan Cefiro ในปัจจุบัน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงยุคปี 1990 สิ้นสุดในปี 2003 มันยังคงเป็นตัวเลือกราคาประหยัด สำหรับวัยรุ่นที่ต้องเลือกรถคันแรกในชีวิต เนื่องจากมันมีสมรรถที่ดีมาก มีนักแข่งหลายคนนิยมที่จะนำ Celfiro ไปแต่งยกเครื่องกันเป็นประจำ ด้วยความที่มันเป็นรถขนาดกลางทำให้มันเป็นรถครอบครัวได้สบายๆ ผู้ใหญ่สามารถนั่งได้ 4 คน หรือยัดกันไปเลย 5 คนก็ยังได้

การดูแลรักษาก็ค่อนข้างที่จะง่าย ค่าใช้จ่ายอาจน้อยกว่าโตโยต้าแคมรี่ ถ้าเป็นคนที่มีทักษะด้านงานช่างเล็กน้อย สามารถหามือสองราคาถูก มาซ่อมให้ใหม่ปิ้งได้อย่างไม่ยาก ชิ้นส่วนอะไหล่ก็ไม่ได้หายากเลย เพราะสามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ระหว่างตระกูล 2.0 กับ 3.0 แม้แต่ข้ามรุ่นก็ยังใช้ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการเลือกซื้อรถนี่แหละ ที่ถ้าเลือกกันไม่ดีอาจจะได้เสียเงินกันเกินที่จะเรียกว่าคุ้มได้ ดังนั้นจึงต้องเลือกกันให้ดีๆหน่อย ผสมกับเรื่องของโชคเล็กน้อย

สำหรับราคาของ Nissan Cefiro 2.0 A33 ปี 2004 อาจมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000 ถึง 150,000 บาท ถ้าโชคดีหน่อยคุณอาจได้ในราคาที่ต่ำกว่า 90,000 แต่ส่วนใหญ่แล้วราคาก็ขึ้นอยู่กับสภาพ สำหรับคนที่ไม่อยากเอามาซ่อมมาก ก็เลือกที่มีสภาพพร้อมขับมากที่สุด จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาซ่อมกันมากนัก